Page 23 - วารสารสายตรงศาสนา ปีที่ ๒๐ ฉบับที่ ๖ (สิงหาคม - กันยายน ๒๕๖๖)
P. 23

๓. ฆาสัตวเปนบาปหรือไม? เรามักจะไดยินคําถามนี้เสมอ เปนตน ในประเทศไทยที่คนกวาเกาสิบเปอรเซ็นตที่นับถือ
              พุทธศาสนาถือวาการฆาสัตวเปนบาป... ในเรื่องนี้สําหรับเราที่เปนคริสตชน เราถือวา การฆาสัตวไมบาป เพราะเราเชื่อวา

              สรรพสิ่งสรรพสัตวทั้งหลายในโลกนี้ พระเปนเจาทรงสรางมาเพื่อมนุษย
                     มนุษยมีสิทธิ์ที่จะนําสิ่งตาง ๆ มาเพื่อตัวเองได เชน สามารถนําสัตวมาเปนอาหารได ดังนั้น จึงฆาสัตวและนํามาเปน

              อาหารไดเสมอ เชน ฆาหมู ไก เปด ปลา ฯลฯ มาทำเปนอาหารรับประทานได หรือฆาสัตวที่มันทำรายเราได เชน ฆางูมีพิษ
              ฆายุง ฯลฯ

                     อยางไรก็ดีตองระวังวา “การทรมานสัตวเพื่อความสนุกสนาน” ถือเปนบาปและความผิด เพราะแสดงถึงความมีจิตใจ
              โหดรายนั่นเอง ดังนั้น การจับสัตวมาตีกันทำรายกันจึงบาป เชน นําไกมาชนกัน นําวัวควายมาชนกัน นําปลามากัดกัน...

                     มีคําถามตอไปวา การนําสัตวมาเลี้ยงไวในกรงหรือนํามาเลี้ยงไวในตูปลาผิดหรือไม ในประเด็นนี้ตองระวังดี ๆ ถานํามา
              เลี้ยงก็ตองดูแลอยางดี มีอาหารใหกิน มีที่อยูที่เหมาะสม มิฉะนั้นก็นาจะผิดดวย.... แตถาหากมีอยูแลวก็พยายามดูแลดี ๆ

              เพราะถาปลอยไปสัตวเหลานั้นจะตายไดเพราะไมเคยชินกับสภาพ แวดลอม...เชน ปลอยปลาที่เลี้ยงไวในตูปลาลงในแหลงน้ำ
              ธรรมชาติ หรือปลอยนกในกรงที่เลี้ยงไวนานแลวไป มันตองตาย แน ๆ เพราะมันจะปรับตัวเองไมได เราตองถือวาถาไมสามารถ

              จะกระทำในสิ่งที่ถูกได ก็ขอใหเลือกกระทำความผิดนอยที่สุดก็แลวกัน








                                                             บทที่ ๒๓



                     • อยาผิดประเวณี

                     • อยาปลงใจผิดประเวณี
                     พระบัญญัติ ๒ ประการนี้ เปนพระบัญญัติที่วาดวยเรื่อง การดําเนินชีวิตในฐานะที่เปนมนุษยอยางดีไมปลอยตนใหอยูใน

              ตัณหา หรือความปรารถนาที่ทำใหตองสูญเสียความบริสุทธิ์ทางกาย วาจา ใจ
                     ความปรารถนาหรือความตองการทางเพศ มีอยูในสัตวทุกชนิดและไมยกเวนแมกับมนุษยดวย ถือเปนสัญชาตญาณ

              ตามธรรมชาติอยางหนึ่ง และเราเชื่อวาพระเจาทรงสรางสัญชาตญาณนี้มาเพื่อใหสรรพสิ่งทั้งหลายจะไดสืบพันธุขยายลูกหลาน
              ตอ ๆ กันไป จึงถือวาเปนสิ่งที่ดี

                     แตสําหรับเราที่เปนมนุษย พระองคทรงประทานสติปญญา ความคิด และมโนธรรม ทำใหมนุษยมีคุณคาและเปนสิ่งสราง
              ที่สูงกวาสิ่งสรางทั้งหลาย มนุษยจึงสามารถบังคับตัวเองได สามารถเลือกกระทำดีและละเวนการกระทำผิดได

                     ดวยเหตุนี้แมมนุษยจะมีสัญชาตญาณแหงความปรารถนา ความตองการทางเพศ แตก็สามารถบังคับตนเองไดดวย
              การมองเห็นคุณคาที่แทจริงของความปรารถนาหรือความตองการดังกลาว เรียกวายกระดับความรูสึกนึกคิดเกี่ยวกับเรื่องเพศนี้

              ใหสูงขึ้น เห็นคุณคามากกวาเปนเพียงแคธรรมชาติเทานั้น
                     อยางไรก็ดีถาหากมนุษยไมระมัดระวัง ทำใหความปรารถนาหรือความตองการนี้เปนเพียงแคสัญชาตญาณ มนุษยก็

              ไมตางกับบรรดาสัตวทั้งหลาย คุณคาของความเปนมนุษยนั้นก็จะลดนอยลงไป...













                                                                ปที่ ๒๐ ฉบับที่ ๖ ประจำเดือนสิงหาคม - กันยายน ๒๕๖๖ ๒๓
   18   19   20   21   22   23   24   25   26   27   28