Page 81 - ธรรมะจากธรรมาสน์ เล่ม ๓
P. 81
ธรรมะจากธรรมาสน เลม ๓
ประโยชน์ให้กับตนเองหรือคนอื่นในทางที่ผิดกฎหมายและผิดท�านองคลองธรรม ประโยชน์
ในที่นี้ หมายรวมทั้ง ทรัพย์สินเงินทอง ต�าแหน่งหน้าที่ ชื่อเสียง เกียรติยศหรือสิทธิอื่นใด
ที่ไม่สมควรได้มา แต่ก็ใช้อ�านาจหน้าที่ในทางมิชอบจนกระทั่งได้มาตามที่ต้องการ นี่เรียกว่า
การทุจริตต่อหน้าที่
พระพุทธเจ้าตรัสสอนต่อไปว่า “นะ ตัง ทุจจะริตัง จะเร” แปลความว่า “บุคคล
ไม่ควรประพฤติธรรม คือ หน้าที่นั้นให้ทุจริต” ทั้งนี้ เพราะการทุจริตต่อหน้าที่เป็นเหมือนสนิม
ที่กัดกร่อนชีวิตและสังคมให้พังพินาศไปในที่สุด ชีวิตของบุคคลผู้บกพร่องต่อหน้าที่ ละเว้น
หน้าที่และทุจริตต่อหน้าที่ ย่อมมีแต่ความอ่อนแอเสื่อมโทรม อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ในอดีต
ไม่ได้ล่มสลาย เพราะภัยจากภายนอกเพียงอย่างเดียว หากแต่บาปทุจริตของประชาชน
อันเป็นสนิมภายในก็มีส่วนสร้างความอ่อนแอให้กับอาณาจักรนั้น ๆ จนต้องล่มสลายเมื่อภัยจาก
ภายนอกมารุกราน ข้อนี้สมดังพุทธพจน์ในธรรมบทที่ว่า “อะยะสา วะ มะลัง สะมุฏฐิตัง” เป็นต้น
แปลความว่า “สนิมเกิดแต่เหล็กย่อมกัดกินเหล็กฉันใด กรรมที่ตนท�าไว้ ย่อมน�าเขา
ผู้ไร้ปญญาไปสู่ทุคติ ฉันนั้น” สมด้วยโคลงโลกนิติที่ว่า
สนิมเหล็กเกิดแต่เนื้อ ในตน
กินกัดเนื้อเหล็กจน กร่อนขร�้า
บาปเกิดแต่ตนคน เปนบาป
บาปย่อมท�าโทษซ�้า ใส่ผู้บาปเอง
สภาพของสังคมไทยในปัจจุบัน มีการทุจริตและประพฤติมิชอบทั้งในและนอก
วงราชการอยู่ทั่วไป จนเป็นที่ห่วงใยกันว่า การทุจริตต่อหน้าที่ก�าลังกลายเป็นสนิมร้ายที่บ่อน
ท�าลายประเทศชาติอยู่ในขณะนี้ ทั้งนี้ เพราะการทุจริตต่อหน้าที่เมื่อผนวกเข้ากับคติที่ว่า
“มือใครยาวสาวได้สาวเอา” ย่อมน�าสังคมไปสู่การแก่งแย่งแข่งขันในลักษณะที่ว่า “แย่งอาหาร
กันกิน แย่งถิ่นกันอยู่ แย่งคู่กันพิศวาส แย่งอ�านาจกันเปนใหญ่” การแตกความสามัคคี
กลายเป็นสนิมที่กัดกร่อนโครงสร้างสังคมจากภายใน ที่รอวันล่มสลายถ้าถูกกระทบด้วยภัย
จากภายนอกในอนาคต
สภาพสังคมที่ดาษดื่นไปด้วยการทุจริตและประพฤติมิชอบทั้งในและนอกวงราชการนี้
แสดงให้เห็นถึงความย่อหย่อนในการรักษาศีล ๕ เพราะว่า ประโยชน์ เช่น ทรัพย์สินเงินทอง
ที่บุคคลประพฤติทุจริตแล้วได้มานั้น จัดเป็นอทินนาทาน คือ การถือเอาสิ่งของที่เจ้าของมิได้ให้
ซึ่งนับเป็นการละเมิดศีลห้าข้อที่ ๒ ที่มีค�าสมาทานว่า “อทินนาทานา เวระมะณี สิกขาปะทัง
75