Page 79 - ธรรมะจากธรรมาสน์ เล่ม ๓
P. 79
ธรรมะจากธรรมาสน เลม ๓
สุจริตธรรมกถา
แสดงโดย พระมหาบูรณะ ชาตเมโธ วัดฉิมทายกาวาส
เขตบางกอกนอย กรุงเทพฯ
วันอาทิตยที่ ๒๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๐
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (๓ จบ)
ธมฺมํ จเร สุจริตํ น ตํ ทุจฺจริตํ จเร
ธมฺมจารี สุขํ เสติ อสฺมึ โลเก ปรมฺหิ จาติ.
ณ บัดนี้อาตมภาพจักรับประทานแสดงพระธรรมเทศนาใน สุจริตธรรมกถา ว่าด้วย
การปฏิบัติหน้าที่ให้สุจริต เพื่อเป็นเครื่องประคับประคองฉลองศรัทธา ประดับปัญญาบารมี
อนุโมทนากุศลบุญราศีของท่านพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย ผู้ขวนขวายมาบ�าเพ็ญบุญ
ธัมมัสสวนมัย คือ บุญที่ได้จากการฟงพระธรรมเทศนา เพื่อน้อมน�าพระธรรมค�าสั่งสอน
ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปเป็นเครื่องน�าทางในการพัฒนาชีวิตและสังคมต่อไป
การพัฒนาทุกอย่างเริ่มต้นที่การพัฒนามนุษย์ เพราะว่า มนุษย์เป็นศูนย์กลาง
ของการพัฒนา ดังค�ากล่าวที่ว่า “พัฒนาชาติให้เริ่มที่ประชาชน พัฒนาคนให้เริ่มที่ใจ
จะพัฒนาอะไรให้เริ่มที่ตัวเราเองก่อน” นั่นคือ การพัฒนาประเทศชาติเริ่มจากการพัฒนา
ประชาชนให้เป็นคนดีคนเก่งและมีความสุข ทั้งนี้ เพราะประชาชนที่พัฒนาดีแล้วย่อมกลาย
เป็นพลังขับเคลื่อนสังคมทุกภาคส่วนให้เจริญก้าวหน้าไปด้วยกัน สิ่งส�าคัญในการพัฒนา
สังคมอยู่ที่การพัฒนาคนให้เป็นสัปบุรุษ คือ เป็นคนดี คนดี คือ คนเช่นไร พระพุทธเจ้า
ตรัสว่า คนดี คือ คนที่เกิดมาบ�าเพ็ญประโยชน์แก่ชาวโลก ดังพระบาลีที่ว่า
“เสยยะถาปภิกขะเว มะหาเมโฆ สัพพะสัสสานิ สัมปาเทนโต” เป็นต้น แปลความว่า
“ภิกษุทั้งหลาย เมื่อเมฆฝนตกลงมาท�าให้ข้าวกล้าเจริญงอกงาม ย่อมตกเพื่อประโยชน์
เกื้อกูล เพื่อความสุขแก่ชนเปนอันมาก ฉันใด คนดีเมื่อเกิดในตระกูลย่อมเกิดเพื่อประโยชน์
เกื้อกูล เพื่อความสุขแก่คนเปนอันมาก ฉันนั้น” นั่นคือ คนดีเกิดมาแล้วย่อมท�าประโยชน์
๓ ประการ ให้บริบูรณ์ คือ ๑) อัตตัตถะ ประโยชน์ตน ๒) ปรัตถะ ประโยชน์คนอื่น
๓) อุภยัตถะ ประโยชน์ส่วนรวม
73