Page 13 - ธรรมะจากธรรมาสน์ เล่ม ๓
P. 13

ธรรมะจากธรรมาสน เลม ๓



              การสั่งสมบุญ เป็นเหตุน�าความสุขมาให้ การสั่งสมบาป ก็เป็นเหตุให้เกิดความทุกข์มาให้

              เมื่อเราทราบดังนี้แล้ว บุญ คือ ความดี บาป ก็คือ ความชั่ว เราก็เว้นจากความชั่ว มาประพฤติ
              แต่ความดี ความดีนี้ จะส่งผลให้เราได้สวยสดงดงามยิ่งขึ้นไปกว่าเดิมอีกดังนี้เป็นต้น ค�าว่า บุญนี้

              โดยย่อขยายเป็น ๒ ประการ คือ บุญโดยเหตุและบุญโดยผล บุญโดยเหตุ ที่เราได้ให้ทานก�าจัด

              ความตระหนี่ ก�าจัดความเห็นแก่ตัว คือ ให้เป็นบุคคลที่มีน�้าใจเสียสละ คือ กว้างขวางที่เรียกว่า

              เป็นเหตุเบื้องต้น บุญเป็นเหตุเบื้องต้น ก�าจัดความเห็นแก่ตัว และความตระหนี่ ส่วนบุญ
              โดยผล ก็คือ ผลที่เกิดจากเหตุที่เราได้ให้ทาน รักษาศีล เจริญจิตภาวนา ผลนี้บังเกิดขึ้น ท�าให้

              เรามีความสุขกายสบายใจ ดังนี้เป็นต้น

                      การสั่งสมบุญ เราก็เคยได้ยินค�าว่า “มาท�าบุญท�าทานกันเถิด” และก็บางคน

              ไปไหว้พระถึง ๙ วัดด้วยกัน ก็เพื่อจะให้เกิดบุญ ให้เกิดความสุข และเมื่อกลับมาแล้ว ก็ยัง
              บอกให้ญาติพี่น้องที่พบเห็นซึ่งกันและกันว่า ต้องอนุโมทนาบุญนะ รับบุญนะ ฉันได้ท�าบุญ

              มาแล้ว ไหว้พระ ๙ วัด ดังนี้เป็นต้น ส่วนผู้ที่ได้รับบอกเช่นนี้ ก็ควรจะอนุโมทนา คือ

              ให้สาธุการยอมยินดี ก็เป็นบุญเช่นเดียวกัน การท�าบุญท�าทาน คือ ท�าความดีด้วยกัน ท�าบุญ

              เราก็ได้ท�ากับพระ วันนี้ที่คุณโยมทั้งหลาย ที่จะจัดการถวายสังฆทานให้แก่พระสงฆ์และ
              ก็โยมทั้งหลาย ที่ได้จัดผ้าไตรจีวรมาก็ดี เรียกว่า เป็นจีวรทาน การให้แก่พระสงฆ์ เราก็มัก

              ใช้ค�าว่า ถวาย แต่ถ้าเราให้แก่คนยากไร้คนยากจน เรามักเรียกกันว่า การให้ทาน

              คือการท�าบุญเช่นกัน แต่เป็นทานสงเคราะห์ คือ อย่างเราสงเคราะห์แก่บุคคลที่เกิดน�้าท่วม

              เกิดไฟไหม้หมดเนื้อหมดตัว เราเรียกกันว่า ทานสงเคราะห์ คือ สงเคราะห์เพื่อนตกทุกข์
              ได้ยาก ก็เป็นการท�าบุญเช่นเดียวกัน ดังนั้นเมื่อเรามาในที่นี้แล้ว ก็ท�าบุญให้สมกับที่เราได้มา

              ถวายพระ ก็คือ เรื่องจีวรดังนี้ เป็นต้น ส่วนถ้าเราไปท�าบุญกับฆราวาส เราต้องน�าเสื้อผ้า

              สิ่งของใช้ต่าง ๆ ให้เหมาะสมแก่ท่านผู้นั้นที่เป็นอยู่ ก็ชื่อว่า ท�าบุญและจะได้บุญ เพราะได้รับ

              ประโยชน์ทั้ง ๒ ฝาย ทั้งผู้ให้และผู้รับ ดังนี้เป็นต้น ส่วนบุญที่เราท�ากันในวันนี้ คือ ที่ให้ทาน
              กล่าวโดยย่นย่อว่า

                      ๑. ทานนั้นเปนวัตถุสมบัติ คือ เป็นทานที่บริสุทธิ์ที่เราได้มาด้วยน�้าพักน�้าแรงของเรา

              ไม่ได้หลอกลวงบุคคลใดมานี้เรียกว่า “ทาน”

                      ๒. เจตนา คือ ความจงใจที่ถวายทานในเบื้องต้น ท่านต้องท�าเจตนาด้วยความจงใจ
              ของท่าน ไม่ให้มีความโลภ ไม่ให้มีความโกรธ ไม่ให้มีความหลง ก็คือ ก่อนที่เราจะถวาย

              ต้องท�าจิตใจของเรา ให้ดี ให้ผ่องใส ให้เกิดความเลื่อมใสในทานนั้น ครั้นถวายไปแล้ว




                                                                                                 7
   8   9   10   11   12   13   14   15   16   17   18