Page 14 - ธรรมะจากธรรมาสน์ เล่ม ๓
P. 14
ธรรมะจากธรรมาสน เลม ๓
ท�าจิตใจของเราให้ชื่นบาน เมื่อทานของเราประกอบด้วย ๓ กาล ก่อนให้ ก�าลังให้และให้ไปแล้ว
อย่างนี้บริสุทธิ์ ทานนั้นจะมีผลมาก
๓. บุคคลที่จะรับทาน บุคคลนั้น จะต้องเป็นบุคคลมีศีลด้วย คือ มีธรรมประจ�าใจด้วย
จึงจะมีผลมาก แม้จะรับทานก็ไม่ได้รับด้วยความโลภ ไม่ได้มีความโกรธ ความหลง ท�าจิตใจ
ให้ปราศจาก โลภ โกรธ หลง เป็นต้น ก็ชื่อว่า ท�าจิตใจให้เป็นเนื้อนาบุญ บุญนั้น ก็จะ
มีผลมาก มีอานิสงส์มากเช่นเดียวกัน นี้เรียกว่า หน้าที่ของทายกกับหน้าที่ของปฏิคาหก คือ
ทั้งผู้ให้และผู้รับ ดังนี้เป็นต้น
การที่ดังกล่าวมานี้ ตามหลักพระพุทธศาสนา เรียกว่า บุญกิริยาวัตถุ คือ สิ่งที่เป็นที่ตั้ง
ของการบ�าเพ็ญบุญกล่าวไว้ถึง ๑๐ ประการ แต่จะกล่าวเพียง ๓ ประการ คือ
๑. ทานมัย บุญส�าเร็จด้วยการบริจาคทาน คือ การแบ่งสันปันส่วน ที่เราให้ด้วย
ความเมตตาสงเคราะห์ก็ดี ให้บิดามารดาเพื่อความกตัญูกตเวทีก็ดี ให้เพื่อนทุกข์ยาก
เป็นทานสงเคราะห์ก็ดี จัดเป็นทานทั้งหมด นี้เรียกว่า เป็นส่วนของอามิสทานจะมากหรือน้อย
ตามมีตามเกิด เป็นวัตถุทานหรืออามิสทาน ส่วนการให้ธรรมทานนั้น คือ แนะน�าพร�่าสอน
อะไรดี อะไรชั่ว ชี้แจงให้บุคคลเขาเห็นนี้เรียกว่า ให้ธรรมทาน อย่างบิดามารดาสอนลูกสอนหลาน
ให้เว้นจากความชั่ว ให้ท�าความดี เรียกว่า เป็นธรรมทาน ไม่ได้หมายว่า ต้องขึ้นธรรมมาสน์เทศน์
อย่างพระไม่จ�าเป็นถึงอย่างนั้น ส่วนอภัยทาน คือ ให้ความไม่โกรธ ให้อภัย ไม่ถือโทษ
โกรธเคือง นี้เป็นอภัยทาน เป็นการแสดงออกถึงน�้าใจ คือ น�้าใจกว้างขวาง ใครมาขอโทษก็ให้อภัยได้
ผู้ที่ขอโทษถ้าท�าผิดอะไร ก็ควรจะรับผิด การรับผิดแสดงถึงความรับผิดชอบ คือ ส�านึกชั่วดี
ต่าง ๆ ได้ ไม่น่าจะอับอายอะไร ส่วนการขอโทษก็ไม่ควรที่จะโกรธเคือง การให้อภัยโทษ
มันเป็นของที่ไม่สิ้นเปลืองพอที่จะท�ากันได้ ทั้งผู้ให้และผู้รับเพื่อผูกไมตรีกันด้วย
๒. สีลมัย บุญส�าเร็จด้วยการรักษาศีล คือ ส�ารวมกาย วาจา ให้เรียบร้อย
ตามขนบธรรมเนียมหรือประเพณีที่ประพฤติปฏิบัติดีงามเกี่ยวกับมารยาท มารยาทนี้เป็น
ตัวศีล บุคคลที่ไม่มีมารยาทดีเขาก็รู้ว่า บุคคลนี้ไม่มีศีล ไม่มีมารยาทและก็ประพฤติปฏิบัติ
เบียดเบียนบุคคลอื่น ก็ยิ่งชั่วร้ายซ�้าเข้าไปอีก ฉะนั้นกิริยาวาจาเป็นเครื่องแสดงออกถึง
ความดี ความชั่ว ในตัวของบุคคลนั้นดังนี้เป็นต้น ศีลที่ท่านรักษาจะเป็นศีล ๕ ก็ได้ ศีล ๘
ก็ได้ ศีล ๑๐ ศีล ๒๒๗ ตามก�าลังจิตของเราที่พอที่จะรักษาได้ หรือประพฤติปฏิบัติได้ก็ให้ท�า
ไปตามนั้น อย่างศีล ๕ ที่ได้รณรงค์กันอยู่ในปัจจุบันนี้ คือ
8