Page 64 - ธรรมะจากธรรมาสน์ เล่ม ๓
P. 64
ธรรมะจากธรรมาสน เลม ๓
คุณธรรมประการที่ ๔ คือ สังวิภาคะ หมายถึง ความจ�าแนกแจกจ่าย บุคคล
ผู้เป็นผู้น�าจ�าต้องจ�าแนกแจกจ่ายนโยบาย กุศโลบาย ค�าสั่งค�าสอน โดยชี้แจงแนะน�า พร�่าสอน
พร�่าแนะให้รู้และเข้าใจในเรื่องบาปบุญ คุณโทษ ประโยชน์มิใช่ประโยชน์ ตลอดจนมีความฉลาด
สามารถจัดสรรแบ่งปันหน้าที่การงานและหลักการวิธีการต่าง ๆ ให้แพร่หลาย กระจาย
ไปในเพื่อนร่วมงาน ผู้น�าที่ดีต้องไม่รวบอ�านาจผูกขาดแต่ผู้เดียว ต้องส่งเสริมให้ผู้ใต้บังคับ
บัญชาได้ท�างานเต็มตามศักยภาพของตน เพื่อสร้างงานหรือสร้างองค์กรให้เจริญรุ่งเรือง
แต่ผู้น�าต้องประคับประคอง เรียกว่า พูดให้เขารู้ ท�าให้เขาดู อยู่ให้เขาเห็น เปนนักเสียสละ
เสียสละก�าลังกาย ทรัพย์ สติปัญญา ตลอดถึงเสียสละประโยชน์ตนเพื่อประโยชน์ส่วนรวม
ประโยชน์ส่วนน้อยเพื่อประโยชน์ส่วนใหญ่ ผู้น�าต้องมีความเอื้อเฟอ รู้จักแบ่งงาน กระจาย
ต�าแหน่งงาน เข้าต�าราว่า ไม่ยึดเอาไว้คนเดียว ไม่เก็บงานเอาไว้คนเดียว ต้องรู้จักแบ่งงาน
กระจายงาน ถือคติว่า “กระจุกตาย กระจายรอด” คุณธรรมนี้เป็นคุณสมบัติผู้น�าประการที่ ๔
คุณธรรมประการที่ ๕ คือ ทยา แปลว่า ความเอ็นดู มาคู่กับเมตตาความรักและ
กรุณาความสงสาร บุคคลผู้เป็นผู้น�าจ�าต้องอบรมเมตตากรุณาให้เกิดมีในอัธยาศัย เพราะ
เมตตากรุณาเป็นคุณธรรมน�าให้เห็นอกเขาอกเรา ให้มีไมตรีจิตมิตรภาพต่อกัน ให้รู้รักสามัคคี
ในสังคม เมื่อคนในสังคมนิยมความรักความเอ็นดูเป็นเรือนใจ จะไม่เอารัดเอาเปรียบ
เบียดเบียนรังแกข่มเหงใคร ผู้ใหญ่ที่มีอ�านาจวาสนา จะไม่เหยียบย�่าท�าลายผู้น้อยที่
ด้อยอ�านาจวาสนา รับเป็นที่ปรึกษาพึ่งพิงในยามขัดข้อง คอยประคับประคองปลอบใจ
ในยามผิดหวัง เศร้าสร้อยหงอยเหงา คอยเอาใจใส่ให้สติในยามพลั้งเผลอผิดพลาด ไม่คอยหา
โอกาสจับผิดคิดลงโทษถ่ายเดียว ถ้าผู้น�าเบี้ยว ผู้ตามก็เอน ผู้น�าจึงจ�าต้องมีพรหมวิหารธรรม
คือ เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขาเป็นหลัก ถอยห่างจากอคติความล�าเอียง เที่ยงตรงต่อคน
เที่ยงตรงต่องาน เพราะความต้องการของคนทั่วไปคือ “ความยุติธรรม” นั่นเอง เรียกว่า
ผู้น�าเมตตากรุณาต่อผู้อื่น ไม่โหดร้ายใจอ�ามหิต ยามผิดพลาดรู้จักให้โอกาสให้อภัย คุณธรรม
ข้อนี้เป็นคุณสมบัติประการที่ ๕
คุณธรรมประการที่ ๖ คือ อิกขนะ แปลว่า การเห็นการดู การเห็นเป็นอาการของตานอก
การดูเป็นอาการของตาใน ตานอก คือ ตาเนื้อ ตาใน คือ ตัวปัญญา ผู้น�าต้องมีหูกว้างตายาว
เข้ากับค�าในภาษาบาลีว่า “ทีฆทสฺสี” แปลว่า “เห็นไกลเห็นยาว หรือคนมีตา หรือหูกว้างตาไกล”
ดังค�าสมัยใหม่ว่า “มีวิสัยทัศน์กว้างไกล” บุคคลผู้เป็นผู้น�า จ�าต้องนึกถึงค�าโบราณว่า
“ผู้อยู่สูงให้นอนคว�่า ผู้อยู่ต�่าให้นอนหงาย” ผู้ปกครองกับผู้อยู่ใต้ปกครอง หรือผู้ใหญ่
กับผู้น้อย ให้คอยสอดส่องมองดูกัน โดยเฉพาะผู้ใหญ่ไม่เป็นคนหูเบาใจเบาผู้บังคับบัญชา
58