Page 164 - รายงานผลการประชุมเชิงปฏิบัติการ ผู้บริหารศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ ๑๘ ภาคคณะสงฆ์ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓
P. 164
ซึ่งจะเป็นผู้บริหารด้านจัดการงบประมาณอยู่และมีนายกองค์การบริหารส่วนตำบลซึ่งเป็นผู้ที่มีอำนาจ
เพราะฉะนั้นจะต้องพูดคุยกับบุคคลเหล่านี้ว่าเราให้เขาได้มีส่วนร่วมเข้ามาเป็นกรรมการศูนย์ ในเมื่อเขา
เป็นกรรมการ เป็นที่ปรึกษาศูนย์แล้วทีนี้เราก็ได้ปรึกษากันว่าทำอย่างไรที่จะช่วยเหลือศูนย์ศึกษา
พระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ได้
นายบพิตร วิทยาวิโรจน์
วัฒนธรรมจังหวัดพะเยา
เรื่องว่าทำอย่างไรให้ศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์เป็นแหล่งส่งเสริมคุณธรรม
ของสังคมไทย โจทย์ใหญ่ที่ว่าจะทำอย่างไรจะส่งเสริมเรื่องคุณธรรมและศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนา
วันอาทิตย์ บทบาทที่เรากำหนดตั้งแต่ต้นแล้วคือเรามีหน้าที่ในการจะส่งเสริมเรื่องนั้นอยู่แล้ว แต่ว่าเรา
จะทำอย่างไรให้บทบาทนี้ประสบผลสำเร็จนั้นยากยิ่งกว่า ถ้าดูตามประวัติการก่อตั้งศูนย์พระพุทธศาสนา
วันอาทิตย์ก็อายุ ๖๐ กว่าปี ๕๐ กว่าปีเกือบ ๖๐ ปี
ศูนย์พระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ที่ไปที่มาเกิดจากการที่พระเถระผู้ใหญ่ของบ้านเราไปดูงาน
ต่างประเทศที่ศรีลังกาและประเทศพม่า ไปเห็นการจัดศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ของทั้ง
๒ ประเทศ เป็นการส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรมให้กับพุทธศาสนิกชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เป็น
เด็กและเยาวชนจึงนำเอาแนวทางนั้นมาปฏิบัติดำเนินการในบ้านเรา เมื่อนำมาวัตถุประสงค์อย่าง
ที่พระคุณเจ้าก็คงจะทราบในฐานะที่ท่านเป็นผู้บริหารศูนย์ฯ ว่าศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์
มีหน้าที่หลักๆ ว่าด้วยเรื่องของคุณธรรมจริยธรรมเรื่องของหลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนา
เรื่องของวัฒนธรรมประเพณี เริ่มจะสอดแทรกกันอยู่ภายในกรอบอย่างนั้น พอถึง ณ ปัจจุบันก็ดี บริบท
ของโลกในยุคปัจจุบันมันเปลี่ยนแปลงไป ก็จะเห็นว่าศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์นั้น
เริ่มจะมีการปรับบทบาทของศูนย์อย่างที่ท่านผู้บริหารศูนย์ทั้งสามสี่ศูนย์ได้เล่าให้ฟัง นอกจากเราจะมา
พูดถึงเรื่องพุทธประวัติ ศาสนพิธี เรื่องหลักธรรมคำสอนแล้วมันจะต้องมีสิ่งอื่นที่จะต้องนำมาให้ความรู้
กับเด็กเพราะในบริบทในสังคมโลกมันเปลี่ยนไปเยอะมาก เมื่อเทียบกับเมื่อ ๖๐ ปี เรามีการตั้งขึ้น
ครั้งแรก เมื่อก่อนอาจจะไม่ได้หยุดเสาร์อาทิตย์ด้วย เป็นหยุดวันพระเพราะโรงเรียนตั้งอยู่ในวัด แต่หลังจาก
ที่โรงเรียนไปตั้งอยู่นอกวัดแล้วหยุดวันเสาร์วันอาทิตย์ เมื่อโรงเรียนหยุดเสาร์อาทิตย์เด็กนอกจากไปช่วย
พ่อแม่ผู้ปกครองประกอบสัมมาอาชีพของการเกษตรกรรมในชนบท เด็กก็จะอยู่บ้านเฉย ๆ พ่อแม่ไปทำ
ไร่ทำนาเด็กก็ไม่มีที่จะไป ส่วนใหญ่ในสังคมสมัยนั้นก็คือเด็กจะไปที่วัด พระคุณเจ้าที่อยู่ที่วัดมาจัดการ
อบรมเนื้อหาหลักสูตรอะไรต่างๆ มาสอนเป็นพัฒนาการมาในลักษณะนี้ ผมเองก็ได้มีโอกาสไปดูงาน
ที่ประเทศพม่ามาเช่นกัน เห็นว่าประเทศพม่ายังมีความชนบทเหมือนกับบ้านเรา เมื่อสักครู่ที่เชียงตุง
เป็นเช่นไหร่ที่พม่าแตกต่างกันที่เชียงตุง พม่ายังยึดมั่นอยู่กับธรรมคำสอนของศาสนา เรื่องของคุณธรรม
และจริยธรรมคงจะต้องมาปลูกฝังกันทุกภาคส่วนต้องมาเกี่ยวข้อง เมื่อสักครู่พระคุณเจ้ารูปหนึ่ง
ที่มาอภิปรายว่าต่อไปนี้ทางกระทรวงแรงงานก็อาจต้องมาดูว่าการรับผู้ที่จะเข้าไปทำงานจะต้องจบ
นักธรรมตรี นักธรรมโท นักธรรมเอก นักธรรมตรีอาจจะให้ค่าตอบแทนระดับหนึ่ง นักธรรมโทอาจจะได้
มากขึ้น นักธรรมเอกอาจจะได้มากขึ้นอีก จะต้องเป็นถึงอย่างนั้นหรือเปล่า
รายงานผลการประชุมเชิงปฏิบัติการผู้บริหารศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ ๑๘ ภาคคณะสงฆ์